การเคลือบผิวนอกจากจะทำให้ชิ้นงานมีความสวยงามแล้วยังเป็นทางเลือกหนึ่งในป้องกันการกัดกร่อนหรือเพิ่มความต้านทานการสึกหรอให้กับชิ้นงานได้เป็นอย่างดี ชิ้นงานในงานอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทรวมถึงชิ้นงานที่เราพบเห็นในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่มักผ่านการเคลือบผิวมาแล้วทั้งสิ้น เช่น เฟือง น็อต สปริง ลูกบิดประตู ก๊อกน้ำ บานพับ เครื่องประดับ เครื่องครัว เป็นต้น จากชุดอุปกรณ์การเคลือบผิวที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน จึงทำให้อุตสาหกรรมการเคลือบผิวในประเทศไทยมีขนาดตั้งแต่ห้องแถว จนถึงขนาดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรม

        กระบวนการเคลือบผิวโลหะด้วยไฟฟ้าเริ่มจากการทำความสะอาดชิ้นงานให้สะอาดปราศจากคราบไขมันและสิ่งสกปรก จากนั้นจะนำสารละลายของโลหะที่ต้องการเป็นผิวเคลือบเทลงในภาชนะ แล้วให้กระแสไฟฟ้า โดยต่อขั้วลบเข้ากับชิ้นงาน และต่อขั้วบวกในสารละลายที่ต้องการเป็นผิวเคลือบ เมื่อเซลล์ไฟฟ้าครบวงจรจะเกิดผิวเคลือบของโลหะขึ้นบนชิ้นงาน

        เราสามารถแบ่งกลุ่มอุตสาหกรรมที่นิยมใช้โลหะเคลือบผิวชิ้นงานด้วยวิธีการทางไฟฟ้าเป็น 5 กลุ่มใหญ่ๆ คือ อุตสาหกรรมเครื่องจักรและเครื่องยนต์ ชิ้นงานในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ทำจากเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง หรือบรอนซ์ จะถูกนำไปเคลือบผิวด้วยโครเมียมหรือนิกเกิลเพื่อความสวยงามและต้านทานต่อการสึกหรอในเครื่องยนต์ ตัวอย่างเช่น ลูกสูบ กระบอกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง แหวนลูกสูบ เฟือง แบริ่ง อุตสาหกรรมกลุ่มที่ คือ อุตสาหกรรมอาหารจะใช้ดีบุกเคลือบบนแผ่นเหล็กเพื่อป้องกันการกัดกร่อน เพราะนอกจากดีบุกจะไม่ทำปฏิกิริยากับกรดอินทรีย์ในอาหารแล้วยังสามารถนำกระป๋องบรรจุอาหารมาย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อุตสาหกรรมกลุ่มที่ คือ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าจะใช้สังกะสีเคลือบบนแผ่นเหล็กเพื่อป้องกันการกัดกร่อน ผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นกันทั่วไปได้แก่ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ฝาครอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และน็อต สำหรับอุตสาหกรรมสองกลุ่มสุดท้าย คือ อุตสาหกรรมเครื่องประดับและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ นิยมใช้โลหะมีค่า เช่น ทอง โรเดียม แพลทินัม หรือพัลลาเดียม เคลือบผิวชิ้นงานเพื่อสมบัติความต้านทานการนำไฟฟ้า ความสวยงาม และยังสามารถป้องกันการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี แต่โลหะที่ใช้เคลือบผิวในกลุ่มนี้มีราคาค่อนข้างแพง

        อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเคลือบผิวโลหะด้วยไฟฟ้าใช้สารเคมีที่มีความเป็นกรดด่างค่อนข้างรุนแรงหลายชนิด แต่ละชนิดล้วนแต่มีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกาย ดังนั้นผู้ที่ปฏิบัติงานด้านการเคลือบผิวจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ป้องกันและควรระมัดระวังอันตรายที่พึงจะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงาน ตลอดจนตระหนักถึงวิธีการกำจัดสารเคมีอย่างถูกวิธีก่อนปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม

>>Credit<<